10 ชุดไพ่โป๊กเกอร์ที่ต้องเข้าใจ รู้ไว้ไม่เสียท่าแน่นอน

10 ชุดไพ่ โป๊กเกอร์ ที่ต้องเข้าใจ รู้ไว้ไม่เสียท่าแน่นอน

แม้ว่าการบลัฟและ โป๊กเกอร์ เฟซจะเป็นทักษะที่ช่วยให้เอาชนะผู้เล่นที่ถือไพ่เหนือกว่าได้ แต่ก็ไม่มีอะไรมารับประกันว่าพวกเขาจะหลงกลไปกับเทคนิคเหล่านี้ได้ง่าย ๆ เช่นกัน การนับแต้มไพ่และเข้าใจในชุดไพ่จึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องพื้นฐานที่สำคัญมาก ๆ สำหรับนักเล่นโป๊กเกอร์ทุกระดับโดยเฉพาะเหล่ามือใหม่ แม้ว่าในสังเวียนเราจะสามารถเลือกไพ่ที่ต้องการได้ แต่การที่เราเข้าใจชุดไพ่จะทำให้เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองได้ดีขึ้น ตัดสินใจได้ง่ายว่าจะสู้ต่อไปหรือยอมแพ้ดี และนี่คือ 10 ชุดไพ่โป๊กเกอร์ที่ต้องเข้าใจ รู้ไว้ไม่เสียท่าแน่นอน

10 ชุดไพ่โป๊กเกอร์ที่ต้องเข้าใจ รู้ไว้ไม่เสียท่าแน่นอน

การนับแต้มโป๊กเกอร์

ก่อนจะไปจัดชุดไพ่สิ่งแรกที่ต้องเข้าใจก็คือเรื่องการนับแต้ม รูปแบบแต้มของโป๊กเกอร์จะมีความแตกต่างกับไพ่อื่น ๆ มาก เพราะว่าไพ่ทุกใบจะมีค่าไม่เท่ากันเนื่องจากต้องดูดอกไพ่ประกอบด้วย ซึ่งการนับแต้มจะเรียงจากมากไปน้อยดังนี้

  •  ไพ่ A (Ace) ไพ่นี้จะมีสองค่าในตัวเดียว ขึ้นอยู่กับว่ามันจะอยู่ในชุดไพ่ไหน หากอยู่รวมกับไพ่ K, Q, J, 10 ไพ่ A จะมีค่ามากที่สุด ตรงกันข้ามถ้ามาอยู่กับไพ่ 5, 4, 3, 2 ไพ่ A จะมีค่าน้อยที่สุด
  •  ไพ่ K (King) เป็นไพ่ที่มีแต้มน้อยกว่า A หากอยู่ในชุดเดียวกัน แต่จะมีค่ามากที่สุดเมื่อไม่มีไพ่ A
  •  ไพ่ Q (Queen) เป็นไพ่ที่มีแต้มน้อยกว่าไพ่ King
  •  ไพ่ J (Jack) เป็นไพ่ที่มีแต้มน้อยกว่าไพ่ Queen และมีค่ามากกว่าไพ่หน้าตัวเลขทั้งหมด
  •  ไพ่หน้าตัวเลข 2-10 มีค่าเท่ากับหมายเลขหน้าไพ่

ในกรณีที่ไพ่มีหน้าเดียวกันจะถูกตัดสินกันด้วยดอกไพ่ว่าไพ่ใบไหนใหญ่กว่า โดยขนาดดอกไพ่จะเรียงจากใหญ่ไปเล็กคือ โพธิ์ดำ> หัวใจ> ข้าวหลามตัด > ดอกจิก

 

เกมไพ่โป๊กเกอร์นอกจากจะต้องทักษะในการเล่นแล้ว เรื่องตำแหน่งที่นั่งก็สำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้นห้ามพลาดถ้าอยากชนะกับ 3 โซนต้องรู้ ก่อนเล่นโป๊กเกอร์

10 ชุดไพ่โป๊กเกอร์จุดชี้ชะตาหาผู้ชนะ

อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้โป๊กเกอร์มีความแตกต่างจากไพ่อื่นก็คือการหาผู้ชนะจะดูจาก ชุดไพ่, แต้มไพ่ และ Kicker แม้ว่าแต้มจะมีน้อยกว่าแต่ถ้าชุดไพ่ใหญ่กว่าก็จะถือว่าชนะ โดยชุดไพ่จะเรียงจากใหญ่ไปเล็กดังนี้

Royal Straight Flush

ชุดไพ่ที่ใหญ่ที่สุด เรียงจาก A, K, Q, J, 10 ทุกใบจะต้องเป็นดอกเดียวกัน โอกาสที่จะออกไพ่นี้อยู่ที่ 0.00015% เท่านั้น ถือว่าเป็นไพ่ที่ออกยากที่สุด

Straight Flush

ชุดไพ่ที่ออกยากเป็นลำดับที่ 2 ประกอบด้วยไพ่ 5 ใบที่มีแต้มเรียงกันและอยู่ในดอกเดียวกันเท่านั้น จะข้ามแต้มหรือสลับดอกไม่ได้ โอกาสออกไพ่มีแค่ 0.0015%

Four of kind

ชุดไพ่ 5 ใบที่มีเงื่อนไขคือต้องมีไพ่ 4 ใบเป็นแต้มเดียวกันเท่านั้น ส่วนอีก 1 ใบจะเป็นไพ่อะไรก็ได้ โอกาสออกมีเพียง 0.024%

Full House

ชุดไพ่ที่ประกอบไปด้วยไพ่ตอง 1 ชุด และไพ่คู่อีก 2 ชุด เช่น ตอง 3 คู่ 2 หรือ ตอง A คู่ 9 เป็นต้น การตัดสินกรณีที่มีผู้เล่นถือ Full House เหมือนกันจะดูทีละชุดคือดูชุดตองก่อน หากผลยังเสมอก็มาดูไพ่คู่ โอกาสออกไพ่คือ 0.14%

Flush

ไพ่ชุด 5 ใบที่เงื่อนไขมีเพียงแค่ต้องเป็นดอกเดียวกันทั้งหมด แต้มจะเรียงหรือไม่ก็ได้ แต่ถ้าเจอผู้เล่นที่ถือ Flush เหมือนกันและมีแต้มเท่ากัน จะดูว่า Kicker ใครใหญ่กว่า โอกาสออกไพ่ถือว่าค่อนข้างเยอะอยู่ที่ 0.2%

Straight

ชุดไพ่ 5 ใบแต้มเรียง ส่วนดอกไม่จำเป็นต้องเหมือนกันก็ได้ แต่ถ้ามีคนถือ Straight และมีแต้มเท่ากัน จะใช้ไพ่ที่มีแต้มมากที่สุดมาเป็นตัวตัดสินหาผู้ชนะ โอกาสออกไพ่มีมากถึง 0.39%

Three of kind

ชุดไพ่ 5 ใบที่มีไพ่ตอง 1 ชุด ส่วนอีก 2 ใบเป็นไพ่อะไรก็ได้ ซึ่งไพ่ 2 ใบนี้จะถูกใช้เป็น Kicker เวลาที่เจอผู้เล่นอื่นที่ถือไพ่ชุด Three of kind เหมือนกัน โอกาสที่จะได้ไพ่ชุดนี้อยู่ที่ 2.1%

10 ชุดไพ่โป๊กเกอร์ที่ต้องเข้าใจ รู้ไว้ไม่เสียท่าแน่นอน

Two Pair

ชุดไพ่ 5 ใบ ที่มีไพ่คู่อยู่ 2 ชุด ส่วนอีก 1 ใบจะเก็บไว้เป็น Kickerซึ่งจะได้ใช้เหมือนเจอชุดไพ่ Two Pair เหมือนกัน และมีแต้มเท่ากันทั้ง 2 คู่ แต่ก่อนจะใช้ไพ่ใบสุดท้ายจะมีการวัดแต้มทีละคู่ก่อน โอกาสออกไพ่สูงถึง 4.75%

One Pair

ชุดไพ่ 5 ใบที่มีไพ่คู่แค่ชุดเดียว และไพ่ที่เหลืออีก 3 ใบจะเป็นไพ่อะไรก็ได้ซึ่งจะถูกใช้เป็น Kicker หากว่าไพ่คู่ที่ถืออยู่ใช้ตัดสินแพ้ชนะกันไม่ได้ ส่วนโอกาสออกมีมากถึง 42%

High Card

เป็นไพ่ 5 ใบไม่เรียงแต้มเรียงดอก โอกาสชนะต่ำมากแถมยังมีโอกาสออกมาถึง 50% วิธีใช้มีเพียงแค่รวมแต้มวัดผลเท่านั้น จึงกลายเป็นไพ่ที่ไม่ค่อยเล่นกัน ใครได้ไพ่ชุดนี้มักจะ Fold กันทันที เว้นแต่ใครที่คิดว่าเก๋าเกมพออาจจะบลัฟไปเรื่อย ๆ จนชนะ เรียกได้ว่าเสี่ยงมาก ๆ ถ้าจะสู้ด้วยไพ่ชุดนี้

สรุปชุดไพ่โป๊กเกอร์ที่มีโอกาสชนะมากไปหาน้อยก็จะได้ดังนี้ Royal Flush > Straight Flush > Four of kind > Full House > Flush > Straight > Three of kind > Two pair > One pair > High card เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ 10 ชุดไพ่โป๊กเกอร์ที่เราเอามาให้ได้รู้จักกันในวันนี้ เชื่อว่าต้องมีคนมึนกันบ้างเพราะรายละเอียดมันค่อนข้างจะเยอะพอตัว ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ยากจนเกินที่จะเข้าใจและถ้าจำได้ขึ้นใจยังไงก็ไม่ปล่อยไก่ให้เขากินแน่นอน ส่วนตอนหน้าเราจะมาดูกันว่าเราจะสามารถใช้ตำแหน่งการเล่นของเราเพิ่มโอกาสชนะได้อย่างไร สำหรับวันนี้สวัสดีครับ

 

รู้หรือไม่ เพิ่มโอกาสชนะโป๊กเกอร์ง่าย ๆ ด้วย 2 สิ่งนี้ จะบอกให้คล่าวๆก่อนว่า 1. ความน่าจะเป็นของโป๊กเกอร์ 2. Pod odds ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณชนะ ทีนี้เราไปลงลึกกันว่าจะเพิ่มโอกาสชนะได้อย่างไร ตามมา