เทคนิครับมือผู้เล่น โป๊กเกอร์ ที่มือใหม่ต้องรู้
โป๊กเกอร์ – หัวใจของการเล่นโป๊กเกอร์ไม่ได้อยู่ที่การมีไพ่เหนือกว่าเพียงอย่างเดียว แต่จะรอดไปถึงรอบสุดท้ายหรือที่เรียกว่า Show Down ได้จำเป็นต้องอาศัยเทคนิคต่าง ๆ ในการรับมือผู้เล่น นั่นหมายความว่าหากเราสามารถเข้าใจคู่แข่งได้เราจะมองเห็นจุดแข็งจุดอ่อนได้ไม่ยาก และทั้งหมดที่เราจะพูดกันในบทความนี้ก็คือเทคนิครับมือผู้เล่นโป๊กเกอร์ที่มือใหม่ต้องรู้ ที่กล้าพูดได้เลยว่าอ่านจบแล้วจะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเล่นโป๊กเกอร์ได้อย่างแน่นอน
ดูยังไงถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายเล่นรูปแบบไหน
การจะคาดเดาว่าอีกฝ่ายเป็นผู้เล่นสไตล์ไหนให้เราดูที่ 2 สิ่งต่อไปนี้
- Starting Hand เป็นตัวที่จะคอยบอกเราว่าพวกเขาคือ Loose ผู้เล่นที่มีความหลากหลายพลิกแพลงได้ตลอดเวลา หรือว่า Tight ที่เต็มไปด้วยความระแวดระวัง
สิ่งที่ผู้เล่นสไตล์ Loose มักจะทำก็คือพวกเขาแคร์ว่า Starting Hand จะเป็นอย่างไรมีความเป็นไปได้มากถึง 40% ที่พวกเขาจะเริ่มเล่นด้วยไพ่ 33+, A2+, K2S+, K5o+, Q5s+, Q8o+, J7s+, J9o+ หรือT8s ตรงกันข้ามกับพวก Tight ที่จะเลือกเล่นเฉพาะไพ่ที่ดีเท่านั้นอย่างเช่น 55+ A7S+, A5s, A9o+, K9s+, KJo+ และ QJs แม้ว่าไพ่เหล่านี้จะมีอยู่ประมาณ 15% ของสำรับ แต่กับพวกเขาแล้วมันคือความมั่นใจเพียงอย่างเดียวที่จะช่วยให้ไปต่อได้ - Betting Pattern หรือรูปแบบการวางเดิมพัน สิ่งนี้จะคอยบอกว่าอีกฝ่ายคือ Aggressive ผู้ไม่ลังเลที่จะวางเดิมพัน หรือว่า Passive ที่จะวางเดิมพันเท่าที่จำเป็น รูปแบบการวางเดิมพันนี้เราจะดูที่การ Raise และ Call เท่านั้น ถ้าหากอีกฝ่ายเลือกที่จะ Bet หรือ Raise มากกว่า Call มีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาคือ Aggressive แต่ถ้าเน้น Call มากกว่า Bet หรือ Raise คาดการณ์ได้เลยว่าพวกนี้คือ Passive อย่างแน่นอน และจาก 2 เงื่อนไขที่เราใช้ในการคาดเดาแล้ว เราสามารถเอามาวิเคราะห์จัดกลุ่มผู้เล่นได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้
- The Rock = Tight + Passive
- The TAG = Tight + Aggressive
- The Calling = Loose + Passive
- The LAG = Loose + Aggressive
และจากนี้ต่อไปเราจะมาดูว่าผู้เล่นแต่ละประเภทมีข้อดีข้อเสียอะไรกันบ้าง และจะใช้วิธีไหนหรือกลยุทธ์ใดในการรับมือผู้เล่นเหล่านี้ที่กำลังเผชิญหน้าอยู่บนโต๊ะโป๊กเกอร์เดียวกัน
อีกปัจจัยหนึ่งที่จะเป็นตัวที่ทำให้เราชนะหรือแพ้ก็ได้ กับเรื่องตำแหน่งที่นั่ง หรือ โซน ซึ่งห้ามพลาดเลย ถ้าอยากชนะกับ 3 โซนต้องรู้ก่อนเล่นโป๊กเกอร์
วิเคราะห์ผู้เล่น 4 ประเภท และกลยุทธ์ที่ใช้ในการรับมือ
The Rock : Tight + Passive
จัดว่าเป็นผู้เล่นที่ “หิน” กินยากสมชื่อ ผู้เล่นประเภทนี้จะโชว์ความเขี้ยวให้เห็นกันตั้งแต่ช่วง Starting Hand จะมีลักษณะเด่นของ Tight คือเล่นเฉพาะไพ่ที่คิดว่าดี และมีวิธีการวางเดิมพันแบบ Passive คือจะไม่ Bet หรือ Raise แต่ถ้าเมื่อใดที่พวกเขาตัดสินใจ Bet หรือ Raise พอจะคาดเดาได้ว่าพวกเขามี Starting Hand ที่แข็งอยู่เหมือนกัน
ข้อดีที่น่าสนใจ
- ไม่ต้องเสี่ยงมาก เพราะเล่นเฉพาะจังหวะที่มีไพ่ดีเท่านั้น
- ในกรณีที่มี Aggressive อยู่หลายคน สามารถใช้ประโยชน์จากพวกเขาได้โดยการปล่อยให้ Raise หรือ Bluff กัน แล้วหาจังหวะติดไพ่ดี ๆ ก็พอ เหมือนใช้คนอื่นสู้แทนเรา
ข้อเสียที่ต้องระวัง
- ทำกำไรไม่คุ้มค่าเหนื่อยเมื่อเทียบกับไพ่ที่ได้มา
- เนื่องจากไม่ค่อย Bet หรือ Raise ทำให้คนที่ไม่ยอมทิ้งไพ่มีโอกาสได้ลุ้นมากขึ้น
กลยุทธ์ที่ใช้รับมือกับ The Rock
- หาก The Rock ครองตำแหน่ง BB หรือ SB ให้ขโมย Blind โดยการ Raise 3BB จาก Late Position แทน
- หาก The Rock Bet หรือ Raise ในช่วง Pre-flop ให้ตัดสินใจสู้เฉพาะตอนที่ Starting Hand ของเราแข็งมาก ๆ เท่านั้น
- อาศัยจุดอ่อนของ The Rock ที่ไม่ค่อย Bet ทำการ Check ในช่วง Flop เพื่อดูไพ่ฟรีไปก่อน
The TAG : Tight + Aggressive
แม้ว่าเราจะเจอพวกตัวชนอย่าง The TAG บ่อยในการแข่งแบบทัวร์นาเมนท์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เจอในการเล่นทั่วไป พวกนี้จะมีลักษณะเด่นคือ เน้นไปที่ Bet กับ Raise มากกว่า Call
ข้อดีที่น่าสนใจ
- ความเสี่ยงต่ำ เล่นง่าย ไม่ต้องใช้ Starting Hand เยอะ
- เพิ่มโอกาสทำกำไรได้ง่าย ๆ เมื่อถือไพ่ดีกว่าด้วยเทคนิคการ Bluff ที่เป็นลักษณะเฉพาะของ Aggressive
ข้อเสียที่ต้องระวัง
- เพราะมีไพ่น้อยมีโอกาสที่จะโดนอ่าน Range ไพ่จากคนที่มีทักษะการอ่านไพ่
- ด้วยนิสัยวางเดิมพันแบบไม่คิดหน้าคิดหลังของ Aggressive ทำให้มีโอกาสเสียหมดหน้าตักจากการถือ Top Pair หรือ Top Kicker
กลยุทธ์ที่ใช้รับมือกับThe TAG
- อาศัยจุดอ่อนของ Tight เข้ามาขโมย Blind จาก Late Position
- ในรอบ Pre-flop หาก The TAG Bet หรือ Raise ให้ Re-Raise กลับเฉพาะเวลาที่มี Starting Hand ดี ๆ เท่านั้น หรืออย่างน้อยก็ควรมี AA, KK, QQ, JJ หรือ AKs
- ถ้าคิดว่า Starting Hand ยังอ่อนกว่า The TAG ในช่วง Flop ให้ Check ดูก่อน ปกติแล้วพวกนี้จะ C-bet กลับมาโดยไม่สนว่าจะติดไพ่หรือไม่
- ทางที่ดีคืออย่าฝืนสู้กับ The TAG เพราะพวกนี้จะมีความแกร่งอยู่ในตัว เอาชนะได้ค่อนข้างยาก
The Calling : Loose + Passive
ผู้เล่นประเภทนี้ส่วนมากจะเป็นมือใหม่ที่ไม่รู้ว่าจะตัดสินใจ Bet หรือ Raise แถมยังมี Starting Hand เยอะมากอีกด้วย วิธีสังเกตง่าย ๆ คือถ้าติดไพ่บนFlop จะไม่ยอม Bet เพราะหวังว่าจะมีคน Fold แต่ถ้าไม่ติดไพ่Flop ก็จะ Call ตามอย่างเดียว เพราะคิดว่าอีกฝ่ายกำลัง Bluff หรือหวังไปติด Turn เสียมากกว่า โดยรวมแล้วการเล่นสไตล์นี้แทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ข้อดีที่น่าสนใจ
- ไม่ต้องกังวลว่าจะต้อง Bet หรือ Raise หากบนโต๊ะมี Aggressive มากพอ เพราะพวกนั้นจะทำหน้าที่นี้แทน
- เมื่อไปเจอกับ Tight Passive ที่มี Stack 100-200BB ขึ้นไป ถือว่าเป็นโอกาสทองที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการติดไพ่ที่อยู่นอกเหนือการคาดเดา เช่น อีกฝ่ายถือ Top Pair แต่ไม่ Fold เพราะเห็นว่าเราเป็นมือใหม่ แต่จังหวะนั้นเราถือ 108o เป็น Starting Hand และติด Straight ด้วย
ข้อเสียที่ต้องระวัง
- มีไพ่ดีแต่ทำเงินไม่ได้เหมือนกับพวก The Rock แถมยังต้องไม่มีการกันไพ่จากพวก Draw อีกด้วย
- Staring Hand มากเกินไปและส่วนใหญ่ก็เป็นไพ่อ่อน เท่ากับว่ามีโอกาสเสียเงินไปกับไพ่ประเภทนี้มากเมื่อเจอไพ่ที่ใหญ่กว่า
กลยุทธ์ที่ใช้รับมือกับThe Calling
- อาศัยนิสัยชอบ Call ตามของพวกนี้ Bet หนีเมื่อได้ไพ่ดี ไม่จำเป็นต้องไป Bluff ให้เสียเวลา
- หาก The Call นั่ง BB หรือ SB หรือยังอยู่ใน Pot แถมมี Starting Hand ดีอยู่ในมือ ให้ใช้การ Raise Pre-flop ลงไปให้หนัก
- ตรงกันข้ามถ้าเรามีไพ่ระดับกลาง แต่ The Calling Bet มาก็ให้ Fold ไปเลย
The LAG : Loose + Aggressive
ยิ่งกว่า The Rock ก็ The LAG ที่นักเล่นโป๊กเกอร์ต่างยอมรับว่ารับมือยากที่สุด ด้วย Starting Hand ที่ไม่ตายตัว ชอบ Bet หรือ Raise มากกว่า Call เหมือนทำสงครามจิตวิทยา ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีที่สำคัญคนที่เล่นสไตล์ The LAG มีค่อนข้างน้อยเพราะมีความเสี่ยงสูง เรียกได้ว่าถ้าไม่เก่งจริงอย่าคิดลองกันเลยทีเดียว
ข้อดีที่น่าสนใจ
- อ่านทางไพ่ได้ยากเพราะ Starting Hand ไม่ตายตัว
- มักจะถูกมองว่าชอบ Bluff เสียมากกว่า แม้จะถือไพ่ที่เหนือกว่าก็ตาม
- จะเอาชนะด้วยไพ่ที่ดีก็ได้ หรือจะ Bluff ให้อีกฝ่ายหมอบไปเลยก็ไม่เลว
ข้อเสียที่ต้องระวัง
- ต้องแม่นจังหวะหมอบให้ดี เพราะมีโอกาสที่จะเสียเงินมากจากการ Bluff ไม่สำเร็จ
กลยุทธ์ที่ใช้รับมือกับThe LAG
- หากไม่ใช่มือใหม่ขอให้มั่นใจในรูปแบบไพ่ที่มีหลากหลายอยู่ในมือ เพราะมีโอกาสสูงมากที่ในช่วย Pre-flop เราจะถือไพ่ดีกว่า The LAG
- หากในช่วง Pre-flopThe LAG Bet ออกมา ให้สวนกลับด้วย Re-Raiseแต่ต้องเป็นไพ่แข็งเท่านั้นเพื่อบีบให้อีกฝ่ายยอมออกจาก Pot
- หากตำแหน่งเราด้อยกว่าให้ Check-Raise
นอกจากนี้ยังมีผู้เล่นอีก 2 ประเภทที่อาจพบได้แต่ไม่ค่อยบ่อยนักนั่นก็คือ
- The Nit อาการหนักกว่า The Calling คือถ้าถือไพ่อ่อนในมือจะยอม Fold ง่าย ๆ แค่โดนอีกฝ่าย Bet ใส่เท่านั้น
- The Maniac จอมปั่นของโต๊ะไม่น้อยหน้า The LAG ก็ว่าได้ มักจะ Bet หรือ Raise หนัก ๆ แต่สิ่งที่ทำให้หลายคนเสียท่าให้ The Maniac ไม่ใช่เรื่อง Bluff แต่เป็นการตบกลับด้วยไพ่ 64s ที่มักจะทำให้
โป๊กเกอร์ – คนที่เห็นอยากเร่งเครื่องเข้าใส่แบบไม่มีสติ จำไว้ว่าให้ใจเย็นเอาไว้ในระยะยาวเราจะมีโอกาสได้กินเรียบแน่นอน
สรุปก็คือผู้เล่นทั้ง 4 ประเภทที่เราพูดถึงในบทความนี้ ไม่ใช่แค่วิธีรับมือเท่านั้น แต่เรายังสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นผู้เล่นแบบไหนในสถานการณ์แบบใด เพราะแต่ละประเภทมันมีความแพ้ทางกันอยู่ จำไว้ว่ายิ่งเล่นได้หลากหลายรูปแบบยิ่งส่งผลดีกับตัวเรามากกว่าการเล่นแบบใดแบบหนึ่งแน่นอน
มีใครรู้บ้างว่า มีอยู่ 2 สิ่งที่จะช่วยเพิ่มโอกาสชนะโป๊กเกอร์ง่าย ๆ ถ้าอยากรู้ว่า 2 สิ่งนี้มีอะไรบ้าง ไปดูพร้อมๆกันตอนนี้เลย